บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงวิธีแห่งการระลึกถึงธรรม
นั้น จึงตรัสคำมีอาทิว่า จรํ วา ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จรํ วา ความว่า เดินไปด้วยสามารถ
แห่งการเที่ยวภิกษาจาร หรือว่าด้วยสามารถแห่งการจงกรม. บทว่า ยทิ วา
ติฏฺฐํ ความว่า เดินอยู่ก็ดี นั่งแล้วก็ดี. บทว่า อุท วา สยํ ความว่า
นอนอยู่ก็ดี ดำรงอยู่ในอิริยาบถแม้ทั้ง 4 อย่างนี้. บทว่า อชฺฌตฺตํ สมยํ
จิตฺตํ ความว่า ในจิตของตนสงบ คือระงับอยู่ ในภายในอารมณ์กล่าวคือ
กัมมัฏฐาน ตามที่กล่าวมาแล้ว ด้วยสามารถแห่งการระงับ คือด้วยสามารถ
แห่งการละกิเลสทั้งหลาย มีราคะเป็นต้น. บทว่า สนฺติเมวาธิคจฺฉติ ความว่า
ถึงความสงบโดยส่วนเดียว คือพระนิพพานเท่านั้น.
จบอรรถกถาธรรมสูตรที่ 7
8. อันธการสูตร
ว่าด้วยอุกุศลและกุศลวิตก 3 ประการ
[266] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อกุศลวิตก 3 ประการนี้ การทำ
ความมืดมน ไม่กระทำปัญญาจักษุ กระทำความไม่รู้ ยังปัญญาให้ดับ เป็น
ไปในฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน อกุศลวิตก 3 ประการ
เป็นไฉน ? คือ กามวิตก 1 พยาบาทวิตก 1 วิหิงสาวิตก 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
อกุศลวิตก 3 ประการนี้แล กระทำความมืดมน ไม่กระทำปัญญาจักษุ กระทำ
ความไม่รู้ ยังปัญญาให้ดับ เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อ
นิพพาน.
[267] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุศลวิตก 3 ประการนี้ ไม่กระทำ
ความมืดมน การทำปัญญาจักษุ กระทำญาณ ยังปัญญาให้เจริญ ไม่เป็นไป
ในฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น เป็นไปเพื่อนิพพาน กุศลวิตก 3 ประการ
เป็นไฉน ? คือ เนกขัมมวิตก 1 อพยาบาทวิตก 1 อวิหิงสาวิตก 1 ดูก่อนภิกษุ-
ทั้งหลาย กุศลวิตก 3 ประการนี้แล ไม่กระทำความมืดมน กระทำปัญญาจักษุ
กระทำญาณ ยังปัญญาให้เจริญ ไม่เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น เป็นไป
เพื่อนิพพาน.
พึงตรึกกุศลวิตก 3 ประการ แต่พึง
นำอกุศลวิตก 3 ประการออกเสีย พระ-
โยคาวจรนั้นแล ยังมิจฉาวิตกทั้งหลายให้
สงบระงับ เปรียบเหมือนฝนยังธุลีที่ลมพัด
ฟุ้งขึ้นแล้วให้สงบฉะนั้น พระโยคาวจรนั้น
มีใจอันเข้าไปสงบวิตก ได้ถึงสันติบทคือ
นิพพานในปัจจุบันนี้แล.
จบอันธการสูตรที่ 8
อรรถกถาอันธการสูตร
ในอันธการสูตรที่ 8 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อกุสลวิตกฺกา ได้แก่ วิตกทั้งหลายที่เกิดแต่ความไม่ฉลาด.
พึงทราบวินิจฉัยในบทมีอาทิว่า อนฺธกรณา ดังต่อไปนี้ วิตก ชื่อว่า
กระทำความมืดมน เพราะเกิดขึ้นเองแก่ผู้ใด จะทำให้ผู้นั้นมืดมน เพราะ
ห้ามการเห็นตามความจริง ชื่อว่า ไม่ทำปัญญาจักษุ เพราะไม่ทำให้เกิด
ปัญญาจักษุ. ชื่อว่า กระทำความไม่รู้ เพราะทำความไม่รู้. บทว่า ปญฺญา-
นิโรธา ความว่า ชื่อว่า ยังปัญญาให้ดับ เพราะดับปัญญา 3 อย่างเหล่านี้
คือ กัมมัสสกตาปัญญา 1 ฌานปัญญา 1 วิปัสสนาปัญญา 1 โดยทำ
ไม่ให้เป็นไป. ชื่อว่า เป็นไปในฝักใฝ่แห่งความคับแค้น เพราะเป็น
ไปในฝักฝ่ายแห่งวิฆาตะ กล่าวคือทุกข์ เหตุที่ให้ผลอันไม่น่าปรารถนา.
ชื่อว่า ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน เพราะไม่ยังกิเลสนิพพาน ให้เป็นไป. บทว่า
กามวิตกฺโก ได้แก่ วิตกที่ปฏิสังยุตด้วยธรรม อธิบายว่า กามวิตกนั้นเป็น
วิตกที่ประกอบด้วยกิเลสกามแล้วเป็นไปในวัตถุกาม. วิตกที่ปฏิสังยุตด้วยพยาบาท
ชื่อว่า พยาบาทวิตก. วิตกที่ปฏิสังยุตด้วยวิหิงสา ชื่อว่า วิหิงสาวิตก.
และวิตกทั้ง 2 อย่างนี้ (กามวิตก และพยาบาทวิตก) เกิดขึ้นในสัตว์บ้าง
ในสังขารบ้าง. อธิบายว่า กามวิตก เกิดขึ้นแก่ผู้วิตกถึงสัตว์หรือสังขาร
อันเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ. พยาบาทวิตก เกิดขึ้นในสัตว์หรือสังขารอันไม่-
เป็นที่รัก ไม่เป็นที่พอใจ ตั้งแต่เวลาที่โกรธ (เขา) แล้วมองดู จนถึงให้
ฉิบหายไป. วิหิงสาวิตก ไม่เกิดขึ้นในสังขารทั้งหลาย (เพราะว่า) ธรรมดา
สังขารที่จะให้เป็นทุกข์ไม่มี แต่จะเกิดขึ้นในสัตว์ทั้งหลาย ในเวลาที่คิดว่า
ขอสัตว์เหล่านี้ จงลำบากบ้าง จงถูกฆ่าบ้าง จงขาดสูญบ้าง จงพินาศบ้าง
อย่าได้มีเลยบ้าง.